โลกศึกษา : นิยามวิวัฒนาการและความสำคัญในยุคปัจจุบัน

0
9
บทสรุปสำหรับผู้บริหาร
             โลกศึกษา (Global Studies) เป็นสาขาวิชาการที่สำคัญและมีความเป็นสหวิทยาการสูง ซึ่งถือกำเนิดขึ้นเพื่อตอบสนองต่อปรากฏการณ์โลกาภิวัตน์ที่ซับซ้อนและท้าทายในปัจจุบันสาขาวิชานี้มีแนวทางแบบองค์รวมในการทำความเข้าใจความท้าทายที่เชื่อมโยงถึงกันทั่วโลก และมีบทบาทสำคัญในการเตรียมความพร้อมให้กับบุคคลากรเพื่อการประกอบอาชีพที่มีผลกระทบในโลกที่เชื่อมโยงถึงกันมากขึ้น รายงานฉบับนี้จะนำเสนอภาพรวมที่ครอบคลุมของโลกศึกษา ครอบคลุมนิยาม วิวัฒนาการ ประเด็นหลักในหลักสูตร และความเกี่ยวข้องกับเส้นทางอาชีพในยุคปัจจุบัน
บทนำสู่โลกศึกษา
             นิยามโลกศึกษา: การแสวงหาความรู้แบบองค์รวมและสหวิทยาการโลกศึกษาเป็นสาขาวิชาที่มุ่งเน้นการทำความเข้าใจโลกทั้งใบอย่างเป็นองค์รวม โดยมีวิสัยทัศน์ที่มุ่งไปสู่อนาคต เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงระดับโลกไปสู่สังคมที่แข็งแรง ยุติธรรม สงบสุข เจริญรุ่งเรือง และยั่งยืนสำหรับทุกคน ขอบเขตของสาขาวิชานี้ครอบคลุมตั้งแต่ระดับท้องถิ่นไปจนถึงระดับโลก และเชื่อมโยงอดีต ปัจจุบัน และอนาคตเข้าด้วยกัน เพื่อให้เข้าใจปัจจุบันและนำทางอนาคตของมนุษยชาติ
ขอบเขตและลักษณะสำคัญของโลกศึกษา:
             ขอบเขตการศึกษา:สาขาวิชานี้ มุ่งเน้นไปที่ระดับนานาชาติหรือระดับโลกโดยเชื่อมโยงประเด็นจากท้องถิ่นสู่โลก (Local to Global) และจากโลกสู่ท้องถิ่น (Global to Local)
             ขอบเขตการศึกษาช่วงเวลา: ศึกษาวิเคราะห์ครอบคลุมอดีต-ปัจจุบัน-อนาคตโดยเชื่อมโยงความรู้ในอดีตเข้ากับการทำความเข้าใจปัจจุบัน เพื่อเป็นแนวทางในการกำหนดทิศทางของมนุษยชาติในอนาคต
             ขอบเขตการศึกษาแบบพหุสาขาวิชาและพหุวัฒนธรรม:เพื่อดึงความรู้และแนวทางในการสร้างความรู้จากหลากหลายสาขาวิชาและวัฒนธรรมมาบูรณาการเข้าด้วยกัน
             ประเด็นการศึกษาที่สำคัญ:สาขาวิชานี้ จัดการศึกษาโดยสามารถจัดโครงสร้างตามประเด็นหรือหัวข้อที่นิสิต นักศึกษาสนใจหรือเป็นประเด็นร่วมขององค์กร แทนที่จะเป็นลำดับความรู้แบบตายตัวเหมือนสาขาวิชาดั้งเดิมโดยมุ่งเน้นกลุ่ม 3 วิชาหลัก คือ ปรัชญา/ความคิดของมนุษยชาติ กระบวนการพัฒนาในกระแสโลกาภิวัตน์ และการพัฒนาจากท้องถิ่นสู่สากล (Local to Global)
             แรงจูงใจในการแก้ปัญหาและมุมมองเพิ่มเติม: มุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาที่ซับซ้อนและเชื่อมโยงกันในวงกว้าง พร้อมทั้งส่งเสริมมุมมองใหม่ๆ เกี่ยวกับโลกของเรา
             เป้าหมายการเปลี่ยนแปลงระดับโลก: ส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคมของแต่ละบุคคลเพื่อช่วยในการเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมโลกที่แข็งแรง ยุติธรรม สงบสุข เจริญรุ่งเรือง และยั่งยืน
             สาขาวิชานี้เป็นการสำรวจประเด็นระดับโลกแบบสหวิทยาการผ่านมุมมองที่ครอบคลุมมากขึ้น โดยเจาะลึกการเคลื่อนย้ายของผู้คน สินค้า แนวคิด และแม้กระทั่งสุขภาวะหรือโรคภัยไข้เจ็บไปทั่วโลก การศึกษาในสาขานี้มุ่งเน้นไปที่การศึกษาเชิงวิชาการแบบข้ามสาขาวิชาของกระบวนการโลกาภิวัตน์ ซึ่งหมายถึงกระบวนการที่สังคมต่างๆ ถูกนำมารวมกันในเครือข่ายความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
             ความสำคัญของสาขาวิชานี้อยู่ที่การเป็นสหวิทยาการและเน้นการแก้ปัญหา ซึ่งเป็นลักษณะสำคัญที่กำหนดตัวตนและเหตุผลในการดำรงอยู่ของสาขาวิชานี้ ความซับซ้อนของความท้าทายระดับโลกในปัจจุบัน เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและโรคระบาดอุบัติใหม่ซึ่งจำเป็นต้องมีแนวทางสังเคราะห์ที่ก้าวข้ามขอบเขตทางกฎหมายดังนั้น สาขาวิชาโลกศึกษาจึงได้รับการออกแบบมาโดยพื้นฐานเพื่อบูรณาการระบบความรู้ที่หลากหลายเพื่อจัดการกับประเด็นระดับโลกที่เชื่อมโยงถึงกันซึ่งสาขาวิชาเดียวไม่สามารถแก้ไขได้
ความแตกต่างจากสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง
             สาขาวิชาโลกศึกษามีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับสาขาวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและธุรกิจระหว่างประเทศแต่ก็มีความแตกต่างที่ชัดเจน โดยทั่วไปสาขาโลกศึกษาถือว่ามีความซับซ้อนมากกว่าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เนื่องจากมีมุมมองที่ครอบคลุมโลกาภิวัตน์ในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นประเด็นทางการเมือง ความหลากหลายทางชีวภาพ นัวตกรรมและดิจิทัล วัฒนธรรม และเศรษฐกิจสิ่งที่ทำให้โลกศึกษาแตกต่างออกไปคือการให้ความสำคัญกับรัฐชาติในฐานะหน่วยวิเคราะห์ที่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แทนที่จะเน้นที่ปฏิสัมพันธ์ระหว่างรัฐ สาขาวิชานี้จะมุ่งเน้นไปที่ประเด็นที่กว้างขึ้นที่เกี่ยวข้องกับโลกาภิวัตน์ทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ โครงสร้างอำนาจระดับโลก และผลกระทบของมนุษย์ต่อสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงทางวิชาการจากประวัติศาสตร์การทูตที่เน้นรัฐเป็นศูนย์กลางไปสู่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่กว้างขึ้น และต่อมาเป็นโลกศึกษา สะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางปัญญาที่สำคัญ การลดการพึ่งพารัฐชาติบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์จากมุมมองที่เน้นรัฐเป็นศูนย์กลางแบบดั้งเดิม (ประเทศตัวเองมาก่อน) ไปสู่มุมมองที่ให้ความสำคัญกับผู้มีบทบาทข้ามชาติ กระแส และประเด็นเชิงระบบที่ข้ามพรมแดนประเทศโดยธรรมชาติ กรอบการวิเคราะห์ที่เป็นนวัตกรรมนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อจับภาพความซับซ้อนของระบบโลกที่เชื่อมโยงถึงกันอย่างแท้จริง ซึ่งกรอบการวิเคราะห์แบบดั้งเดิมที่เน้นรัฐเป็นศูนย์กลางไม่สามารถอธิบายได้อย่างสมบูรณ์
แรงจูงใจพื้นฐาน: การแก้ปัญหาและการเปลี่ยนแปลงระดับโลก
             โลกศึกษาตั้งเป้าหมายที่จะฝึกฝนนิสิต นักศึกษาให้เป็น “พลเมืองโลก นักคิดระดับโลก และผู้แก้ปัญหาระดับโลก” โดยมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาขนาดใหญ่ที่ซับซ้อนและเชื่อมโยงถึงกัน และเพื่อเพิ่มพูนมุมมองเกี่ยวกับโลกของเรา เป้าหมายหลักคือการส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคมของแต่ละบุคคลเพื่อช่วยในการเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมโลกที่แข็งแรง ยุติธรรม สงบสุข เจริญรุ่งเรือง และยั่งยืน ผู้เชี่ยวชาญในสาขาโลกศึกษามักถูกอธิบายว่าเป็นบุคคลที่มี “จิตสำนึกทางสังคม” ผู้ซึ่ง “มุ่งมั่นที่จะสร้างความแตกต่าง” พวกเขาเตรียมพร้อมที่จะมีส่วนร่วมกับโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและ “พูดภาษาโลกาภิวัตน์ได้อย่างคล่องแคล่ว”
             การมุ่งเน้นที่การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและพลเมืองโลกที่กล่าวถึงซ้ำๆ ในแหล่งข้อมูลแสดงให้เห็นว่าโลกศึกษาไม่ได้เป็นเพียงสาขาวิชาที่มุ่งเน้นความเข้าใจเชิงวิชาการเท่านั้น แต่ยังขับเคลื่อนด้วยมิติเชิงบรรทัดฐานและจริยธรรมที่แข็งแกร่ง ซึ่งหมายความว่าโลกศึกษาไม่ใช่สาขาวิชาที่เป็นกลางทางคุณค่า แต่ขับเคลื่อนด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงทางสังคมเชิงบวก และส่งเสริมการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการแก้ไขความไม่เท่าเทียมและความท้าทายระดับโลก สาขาวิชานี้จึงเป็นสาขาที่มุ่งเสริมสร้างศักยภาพให้บุคคลเป็นผู้ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่เพียงแค่ผู้สังเกตการณ์
วิวัฒนาการของโลกศึกษาในฐานะสาขาวิชาการ
             บริบททางประวัติศาสตร์: หลังสงครามโลกสงครามเย็นและความท้าทายข้ามชาติ (ราว ค.ศ. 1980)สาขาวิชาโลกศึกษาพัฒนาขึ้นส่วนใหญ่เพื่อตอบสนองทางวิชาการต่อโลกาภิวัตน์ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางหลังจากการสิ้นสุดของสงครามเย็น และต่อปัญหาสังคมขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงถึงกัน ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางตั้งแต่ทศวรรษ 1990 การกำเนิดและการพัฒนาของโลกศึกษาเป็นปฏิกิริยาทางวิชาการที่เป็นธรรมชาติเพื่อรับมือกับความท้าทายระดับโลกในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 และต้นศตวรรษที่ 21 การพัฒนาโลกศึกษาในระดับมัธยมศึกษาและอุดมศึกษาถือเป็นผลผลิตของโลกาภิวัตน์และผลที่ตามมาต่อประชาคมระหว่างประเทศ
             การกล่าวถึงยุค “หลังสงครามเย็น” และ “ปลายศตวรรษที่ 20 และต้นศตวรรษที่ 21” ในฐานะช่วงเวลาที่โลกศึกษาถือกำเนิดขึ้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง โครงสร้างแบบสองขั้วของสงครามเย็นทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศง่ายขึ้นโดยเน้นที่ปฏิสัมพันธ์ระดับรัฐ อย่างไรก็ตาม การสิ้นสุดของสงครามเย็นได้เผยให้เห็นโลกที่กำลังเผชิญกับประเด็นที่ซับซ้อนและไม่ได้เน้นรัฐเป็นศูนย์กลาง เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การย้ายถิ่นฐานครั้งใหญ่ และวิกฤตเศรษฐกิจโลก สิ่งนี้บ่งชี้ถึงความสัมพันธ์เชิงสาเหตุโดยตรงดังนั้น การเปลี่ยนแปลงในภูมิทัศน์ทางภูมิรัฐศาสตร์ระดับโลกได้กระตุ้นให้เกิดกรอบการทำงานทางวิชาการใหม่ที่สามารถทำความเข้าใจและจัดการกับความท้าทายที่เกิดขึ้นใหม่และเชื่อมโยงถึงกันเหล่านี้ ซึ่งข้ามขอบเขตทางกฎหมายแบบดั้งเดิม
             อิทธิพลและเหตุการณ์สำคัญในการพัฒนา:ความกลัวต่อผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นจากโลกาภิวัตน์ (เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การลดลงของความหลากหลายทางชีวภาพ การสูญเสียอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม การเพิ่มขึ้นของอุดมการณ์สุดโต่ง ปัญหาธรรมาภิบาลในโลกออนไลน์และ AI การอพยพของผู้ลี้ภัยจำนวนมาก ความมั่นคงทางอาหาร รัฐชาติล้มเหลว และความเหลื่อมล้ำหรือช่องว่างที่เพิ่มขึ้นระหว่างคนรวยกับคนจน) เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของขบวนการโลกศึกษา
             การสนับสนุนทางการเงินครั้งแรกสำหรับการศึกษาระหว่างประเทศ เช่น พระราชบัญญัติการศึกษาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกาในปี 1966 ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่พลเมืองจะต้องเข้าใจประเด็นระดับโลกเพื่อการทูต ซึ่งเป็นการวางรากฐานสำหรับโครงการศึกษาต่างประเทศและโลกศึกษาที่กว้างขึ้น สำหรับปัจจัยด้านแรงจูงใจอีกประการหนึ่ง คือการอำนวยความสะดวกในการทำความเข้าใจตลาดโลกได้ดีขึ้น โดยได้รับแรงผลักดันจากความต้องการของบริษัทข้ามชาติสำหรับพนักงานที่มีทักษะในการทำงานข้ามวัฒนธรรม รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับโลกศึกษาในการเตรียมความพร้อมของแรงงานที่มีขีดความสามารถในการแข่งขัน โครงการ “Global Education Program” ของรัฐบาลออสเตรเลีย (2002) ยังมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความเข้าใจในประเด็นการพัฒนาและระหว่างประเทศในหมู่นักเรียน โดยให้การสนับสนุนหลักสูตรและการพัฒนาวิชาชีพสำหรับครู
             การพัฒนาสาขาวิชาโลกศึกษาไม่ได้เป็นเพียงวิวัฒนาการทางวิชาการภายในเท่านั้น แต่ยังเป็นการตอบสนองที่มาบรรจบกันจากความต้องการของภาคส่วนต่างๆ ความกังวลจากภาคประชาสังคมเกี่ยวกับผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้น ความจำเป็นที่พลเมืองจะต้องเข้าใจประเด็นระดับโลกเพื่อความมั่นคงของชาติและการทูตจากรัฐบาล และความต้องการแรงงานที่มีทักษะข้ามวัฒนธรรมจากตลาดโลก ล้วนเป็นแรงกดดันภายนอกที่ทรงพลัง สิ่งนี้บ่งชี้ว่า สาขาโลกศึกษาถือกำเนิดขึ้นในฐานะสาขาวิชาที่มีความปฏิบัติสูงและตอบสนองต่อสถานการณ์ โดยได้รับอิทธิพลจากการบรรจบกันของความจำเป็นทางวิชาการ รัฐบาล เศรษฐกิจ และสังคม แทนที่จะเป็นเพียงการแสวงหาความรู้เชิงทฤษฎี
แนวคิด เอกสารพื้นฐานและการมีส่วนร่วมทางวิชาการ
             ทฤษฎีทางโลกศึกษานั้น มุ่งมั่นที่จะกำหนดหลักการสำหรับการศึกษาโลกาภิวัตน์ในสาขาวิชาที่หลากหลาย แนวคิดและตำราพื้นฐานที่สำคัญ ได้แก่ The Consequences of Modernity (1990) ของ Anthony Giddens ซึ่งตีความการเปลี่ยนแปลงของสถาบันที่เกี่ยวข้องกับความทันสมัย โดยเน้นที่ประเด็นความปลอดภัยเทียบกับอันตรายและความไว้วางใจเทียบกับความเสี่ยง รวมถึง “ด้านมืด” เช่น การทำลายสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ Modernity at Large (1996) ของ Arjun Appadurai และบทความก่อนหน้านี้ของเขา “Disjuncture and Difference in the Global Cultural Economy” (1990) ก็ถูกอ้างถึง โดยเน้นที่มิติทางวัฒนธรรมของโลกาภิวัตน์
             แนวคิดและตำราพื้นฐานเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง งานของ Giddens เจาะลึกปรากฏการณ์ “ดาบสองคม” ของความทันสมัย (ที่อาจจะก่อให้เกิดการพัฒนาและความเหลื่อมล้ำ) รวมถึงผลกระทบเชิงลบ และ Appadurai เน้นที่มิติทางวัฒนธรรม สิ่งนี้บ่งชี้ว่ารากฐานทางปัญญาของโลกศึกษาไม่ได้เป็นเพียงการอธิบายโลกาภิวัตน์เท่านั้น แต่ยังวิพากษ์วิจารณ์กระบวนการและผลลัพธ์ของมันอย่างลึกซึ้ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความกังวลโดยธรรมชาติเกี่ยวกับพลวัตของอำนาจ ความไม่เท่าเทียม และศักยภาพสำหรับผลกระทบทางสังคมเชิงลบ ซึ่งเป็นการสร้างแนวทางเชิงวิพากษ์ทฤษฎีและหลังอาณานิคม ตั้งแต่เริ่มต้น
บทบาทของวารสารวิชาการในการกำหนดสาขาวิชา
             วารสาร Global Studies Journal ก่อตั้งขึ้นในปี 2008 โดยมุ่งเน้นการทำแผนที่และตีความแนวโน้มและรูปแบบใหม่ๆ ในโลกาภิวัตน์จากหลากหลายมุมมองและสถานที่ วารสารนี้มีเป้าหมายที่จะทบทวนและกำหนดนิยามแนวคิดของโลกาภิวัตน์ใหม่ในแง่ทฤษฎี มานุษยวิทยาและปรัชญา วารสารที่เด่นฉบับอื่นๆ ได้แก่ Globalizations, Global Networks, Global Perspectives, Global Studies Law Review, Glocalism: Journal of Culture, Politics, and Innovation, Identities: Global Studies in Culture and Power และ International Journal of Interdisciplinary Global Studies
             การเพิ่มขึ้นของวารสารวิชาการเฉพาะทางที่มีชื่อว่า “Global Studies” หรือ “Global” บ่งชี้ถึงขั้นตอนสำคัญในการพัฒนาสาขาวิชานี้ นั่นคือการจัดตั้งสถาบัน การมีแพลตฟอร์มที่ผ่านการตรวจสอบโดยผู้ทรงคุณวุฒิโดยเฉพาะสำหรับการอภิปรายทางวิชาการแสดงให้เห็นว่าโลกศึกษาได้ก้าวข้ามจากการเป็นสาขาย่อยที่เกิดขึ้นใหม่ไปสู่การสร้างพื้นที่ทางปัญญา ระเบียบวิธีวิจัย และรูปแบบการวิจัยของตนเองที่ชัดเจน กระบวนการรวมตัวทางวิชาการนี้ช่วยให้สามารถพัฒนาโครงสร้างทางทฤษฎีและการศึกษาเชิงประจักษ์ที่เป็นเอกลักษณ์ได้อย่างเป็นระบบ ซึ่งเป็นการเสริมสร้างสถานะของโลกศึกษาในฐานะสาขาวิชาการที่ถูกต้องและมีความเป็นวิชาการที่สูงขึ้น
แนวคิดและหลักสำคัญของสาขาโลกศึกษา
             แนวคิดพื้นฐานของสาขาโลกศึกษาประกอบด้วย แนวคิดหลายประการ เช่น  โลกาภิวัตน์, ความสัมพันธ์แบบพึ่งหรือการเชื่อมโยงเครือข่าย, การพึ่งพาอาศัยกัน, พลเมืองโลก, ข้ามชาติ, โลกาภิวัตน์เชิงท้องถิ่น, การคิดเชิงวิพากษ์และปรัชญามนุษยชาติ
  1. โลกาภิวัตน์ (Globalization): นิยามว่าเป็นการเชื่อมโยงถึงกันและการพึ่งพาอาศัยกันที่เพิ่มขึ้นของประเทศในมิติด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และประชากรทั่วโลก โดยได้รับแรงผลักดันจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การสื่อสาร และการขนส่ง ซึ่งนำไปสู่การแลกเปลี่ยนแนวคิด ผลิตภัณฑ์ และการปฏิบัติทางวัฒนธรรมทั่วโลก โลกาภิวัตน์ จึงเป็นแนวคิดหลักที่สาขาวิชานี้ให้ความสำคัญ
             2.การเชื่อมโยงเครือข่ายและการพึ่งพาอาศัย (Network and Interdependence): การพึ่งพาซึ่งกันและกันในระดับนานชาติหรือระหว่างประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งการกระทำในพื้นที่หนึ่งมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อพื้นที่อื่นๆ ทั่วโลกเช่น การใช้ทรัพยากรแม่น้ำหรือพลังงานร่วมกัน
  1. ความเป็นพลเมืองโลก (Global Citizen) :โดยเป็นการส่งเสริมสิทธิและความรับผิดชอบที่ก้าวข้ามพรมแดนประเทศ เน้นการเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมโลกที่กว้างขึ้น ส่งเสริมการตระหนักรู้ถึงประเด็นระดับโลก ความหลากหลายทางวัฒนธรรม และการมีส่วนร่วมของแต่ละบุคคลในกิจการระดับโลก
  2. ข้ามชาติ (Transnationalism):เพื่ออธิบายถึงการเคลื่อนย้านหรือการไหลเวียนของผู้คน แนวคิด และทรัพยากรข้ามพรมแดนประเทศ สร้างเครือข่ายและอัตลักษณ์ที่ก้าวข้ามพรมแดนของรัฐชาติแบบดั้งเดิม
  3. โลกาภิวัตน์เชิงท้องถิ่น (Glocalization):แนวคิดที่ละเอียดอ่อนซึ่งรวมเอาแนวโน้มที่เป็นสากลและเฉพาะเจาะจงเข้าด้วยกัน สังเกตได้ในระบบสังคม การเมือง และเศรษฐกิจร่วมสมัย (เช่น แบรนด์ระดับโลกที่ปรับตัวเข้ากับตลาดท้องถิ่น หรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่นำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน)
  4. การคิดเชิงวิพากษ์: ทักษะสำคัญอันดับต้นๆ สำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านโลกศึกษา ถือเป็น “เสาหลัก” ของโลกศึกษา โดยก้าวข้ามการแก้ปัญหาแบบทั่วไปเพื่อรวมมิติเชิงบรรทัดฐาน กระตุ้นให้นักวิชาการแก้ไขปัญหาต่างๆ เช่น สิทธิมนุษยชน ความไม่เท่าเทียม และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
  5. ปรัชญามนุษยชาติ (Human Philosophy): การศึกษาที่เป็นรากฐานสำคัญของสาขาโลกศึกษา คือ การศึกษาปรัชญา ความคิดของมนุษยชาติในทุกยุคสมัย เพื่อให้เห็นวิวัฒนาการทางความคิด การตัดสินค่านิยมทางสังคม ความดี ความงาม และความจริง เป็นต้น
             การรวม “โลกาภิวัตน์เชิงท้องถิ่น” เป็นแนวคิดหลักเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการโลกาภิวัตน์อย่างมีนัยสำคัญ แนวคิดนี้ก้าวข้ามมุมมองที่เรียบง่ายของการกลายเป็นเนื้อเดียวกัน โดยยอมรับว่าพลังระดับโลกมีปฏิสัมพันธ์และถูกกำหนดโดยบริบทท้องถิ่น (เช่น แนวคิดการพัฒนาหนึ่งหมู่บ้านหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ OTOP ของญี่ปุ่น มีอิทธิพลต่อการพัฒนาในระดับท้องถิ่นสู่ระดับโลก) ซึ่งนำไปสู่ผลลัพธ์แบบผสมผสาน สิ่งนี้บ่งชี้ถึงแนวทางการวิเคราะห์ที่ซับซ้อนต่อปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ นอกจากนี้ การยกระดับ “การคิดเชิงวิพากษ์” และ แนวคิดเชิงปรัชญาและจริยศาสตร์ ให้เป็น “เสาหลักที่สี่” ที่มี “มิติเชิงบรรทัดฐาน” ก็มีความสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งชี้ให้เห็นว่าโลกศึกษาให้การศึกษาแก่บุคคลไม่เพียงแค่เพื่อวิเคราะห์ปัญหาอย่างเป็นกลางเท่านั้น แต่ยังเพื่อประเมินปัญหาเหล่านั้นอย่างวิพากษ์วิจารณ์ผ่านมุมมองทางจริยธรรม ที่ส่งเสริมความมุ่งมั่นต่อความยุติธรรม ความเสมอภาคและการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกของโลกยุคใหม่
สาขาที่เกี่ยวข้องกับสาขาโลกศึกษา
             สาขาที่เกี่ยวข้องกับสาขาโลกศึกษาเช่น สิ่งแวดล้อมโลกและความยั่งยืน, วัฒนธรรมโลกและความหลากหลาย, ธรรมาภิบาลโลกและความยุติธรรมทางสังคม, เศรษฐกิจการเมืองโลกและการพัฒนา โดยส่วนใหญ่หลักสูตรมักจะจัดโครงสร้างตาม 4 สาขาหลักนี้ พื้นฐานความรู้อื่นๆ ได้แก่ โลกาภิวัตน์ การเมืองโลกและเศรษฐศาสตร์; ความรู้ความเข้าใจระดับโลก วัฒนธรรมและชุมชน; และสันติภาพและความขัดแย้ง ประเด็นสำคัญที่สำรวจครอบคลุมถึงประเด็นชายแดน การย้ายถิ่นฐาน การละเมิดสิทธิมนุษยชน ความมั่นคง การปฏิวัติและการประท้วง การคุมขัง ภัยพิบัติ และประเด็นสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
             หลักสูตรโลกศึกษามีเป้าหมายที่จะจัดการกับความท้าทายระดับโลกที่สำคัญ เช่น ความไม่ยุติธรรมทางเชื้อชาติและเพศสภาพ ความไม่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจ สงครามและความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้น การย้ายถิ่นฐาน และสุขภาพและสิ่งแวดล้อมโลก ตัวอย่างหลักสูตรเฉพาะ ได้แก่ “การค้ามนุษย์: เมื่อโลกพบกับท้องถิ่น” “ประเด็นระดับโลกในสหประชาชาติ” “กฎหมายระหว่างประเทศ” และหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับความยุติธรรมทางอาญา การแสวงหาประโยชน์ และความไม่เท่าเทียม
             การจัดหมวดหมู่ตามหัวข้อที่สอดคล้องกันในหลักสูตรของมหาวิทยาลัยต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “สิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน” “วัฒนธรรมและความหลากหลาย” “ธรรมาภิบาลและความยุติธรรมทางสังคม” และ “เศรษฐกิจการเมืองและการพัฒนาในระดับโลก” บ่งชี้ถึงความเข้าใจร่วมกันในประชาคมวิชาการเกี่ยวกับความท้าทายระดับโลกที่เร่งด่วนและเชื่อมโยงถึงกันมากที่สุด ความสอดคล้องกันทางหัวข้อนี้แสดงให้เห็นว่าสาขาโลกศึกษาได้พัฒนากรอบความคิดที่แข็งแกร่งและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง แม้จะเป็นสาขาวิชาสหวิทยาการก็ตาม สิ่งนี้บ่งชี้ถึงสาขาวิชาที่กำลังเติบโตซึ่งมีแนวทางที่ชัดเจนและมีโครงสร้างในการจัดการกับความซับซ้อนระดับโลก เพื่อให้มั่นใจว่าครอบคลุมผลกระทบที่หลากหลายของโลกาภิวัตน์อย่างครอบคลุม
การจัดการศึกษากับประเด็นในระดับโลก
             โลกศึกษาจัดการโดยตรงกับปัญหาสังคมขนาดใหญ่ที่เป็นผลมาจากโลกาภิวัตน์ ซึ่งได้เพิ่มขึ้นทั้งในด้านขนาดของปัญหาการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ความซับซ้อน การเชื่อมโยงถึงกัน และศักยภาพในการเกิดภัยพิบัติ ปัญหาดังกล่าวรวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การลดลงของความหลากหลายทางชีวภาพ การสูญเสียหรือการหายไปทางวัฒนธรรม การเพิ่มขึ้นของอุดมการณ์สุดโต่ง ธรรมาภิบาลอินเทอร์เน็ต (ความเป็นส่วนตัว ความปลอดภัยทางไซเบอร์) ผู้ลี้ภัยจำนวนมากและการย้ายถิ่นฐานทั่วโลกที่ไม่สมัครใจ ความมั่นคงทางอาหาร รัฐล้มเหลว และช่องว่างที่เพิ่มขึ้นระหว่างคนรวยกับคนจน สาขาวิชานี้ยังให้บริบทเหตุการณ์ต่างๆ เช่น การโจมตีของผู้ก่อการร้าย 9/11 และประวัติศาสตร์การปลดปล่อยอาณานิคมในแอฟริกาและเอเชีย ประเด็นระดับโลกร่วมสมัย ได้แก่ ความขัดแย้งระหว่างประเทศ ปัญหาสุขภาพโลก (เช่น ผลกระทบหลังโควิด-19) และปรากฏการณ์ระดับโลกอื่นๆ
             ปัญหาทางสังคมขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงถึงกันอย่างกว้างขวางและเฉพาะเจาะจง ซึ่งโลกศึกษาให้ความสำคัญ ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการย้ายถิ่นฐานไปจนถึงความไม่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจและการละเมิดสิทธิมนุษยชน ย้ำถึงความเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้งของสาขาวิชานี้กับโลกแห่งความเป็นจริง นี่ไม่ใช่เพียงการศึกษาทางวิชาการเท่านั้น แต่เป็นการมีส่วนร่วมโดยตรงกับความท้าทายที่สำคัญและเร่งด่วนที่สุดที่มนุษยชาติกำลังเผชิญอยู่ สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าโลกศึกษาเป็นสาขาวิชาที่มีพลวัตและตอบสนองสูง โดยปรับเปลี่ยนจุดเน้นอย่างต่อเนื่องเพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์ร่วมสมัย และจัดหาเครื่องมือวิเคราะห์ที่จำเป็นสำหรับการทำความเข้าใจและบรรเทาความเสี่ยงระดับโลก
หลักสูตรโลกศึกษาและผลลัพธ์การเรียนรู้
             การพัฒนาทักษะที่จำเป็นของผู้เรียน คือ การคิดเชิงวิพากษ์, การแก้ปัญหา, การวิจัย, การเขียน, และการสื่อสารข้ามวัฒนธรรมนักศึกษาผู้เรียนจะได้รับการฝึกฝนให้เป็นพลเมืองโลก นักคิด และผู้แก้ปัญหาระดับโลก โดยมีความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างระดับมหภาค และมีทักษะในการคิดแบบสหวิทยาการ แบบพหุมิติ และแบบวิพากษ์ จากท้องถิ่นสู่ระดับโลก ทักษะสำคัญสำหรับผู้เชี่ยวชาญ ได้แก่ การคิดเชิงวิพากษ์ การแก้ปัญหา การวิจัยและการเขียน การสื่อสาร และความอดทนต่อความคลุมหรือไม่ชัดเจนทางสังคม หลักสูตรเน้นทักษะที่จำเป็น เช่น ความเชี่ยวชาญด้านภาษา การสื่อสารข้ามวัฒนธรรม และการแก้ปัญหา นักศึกษาผู้เรียนต้องพัฒนาความสามารถในการสร้างข้อโต้แย้งที่มีเหตุผล วิเคราะห์ประเด็นจากมุมมองที่หลากหลาย (การเมืองระหว่างประเทศ เศรษฐกิจโลก วัฒนธรรมข้ามชาติ สุขภาพและสิ่งแวดล้อมโลก) และอภิปรายมุมมองทางวิชาการปัจจุบัน
             การเน้นย้ำในเรื่อง “การคิดเชิงวิพากษ์” “การแก้ปัญหา” และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ความอดทนต่อความซับซ้อนในระดับสูง” ในฐานะทักษะหลักนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง ปัญหาระดับโลกมักไม่ชัดเจน ซับซ้อน และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีคำตอบ “ที่ถูกต้อง” เพียงคำตอบเดียว การปลูกฝัง “ความอดทนต่อความซับซ้อนในระดับสูง” บ่งชี้ว่าโลกศึกษาเตรียมความพร้อมให้นักศึกษาเรียนไม่ได้รับบทบาทที่คงที่ แต่สำหรับสภาพแวดล้อมที่มีพลวัตซึ่งความไม่แน่นอนเป็นเรื่องปกติ สิ่งนี้หมายความว่าสาขาวิชานี้ช่วยให้ผู้สำเร็จการศึกษามีทักษะการเรียนรู้ที่ปรับตัวได้ ซึ่งเป็นความสามารถในการเรียนรู้ ปรับตัว และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ในเผชิญกับความท้าทายที่ไม่คาดคิด ทำให้พวกเขามีความหลากหลายและยืดหยุ่นเป็นพิเศษในตลาดงานระดับโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
โครงสร้างหลักสูตร (หลักสูตรพื้นฐาน, วิชาแกน, การศึกษาวิจัยขั้นสูงและวิทยานิพนธ์)
             ตัวอย่างจาก University of Northern British Columbia (UNBC) :  
  • หลักสูตรพื้นฐาน : ประกอบด้วยความรู้พื้นฐานทางศิลปศาสตร์และวิชาแนะนำชีวิตการเรียนรู้ในมหาวิทยาลัยและทรัพยากร
  • หลักสูตรแกนกลางและหลักสูตรบังคับ :ประกอบด้วยความรู้ที่เกี่ยวข้องกับโลกศึกษาและจัดโครงสร้างหลักของสาขาโลกศึกษา คือ สิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนในระดับโลก, วัฒนธรรมและความหลากหลาย, ธรรมาภิบาลและความยุติธรรมทางสังคม, และเศรษฐกิจการเมืองและการพัฒนาในระดับโลก รวมถึง INTS 100 (Introduction to Global Studies) และ INTS 210 (Globalizations) พร้อมหลักสูตรเฉพาะหัวข้อ (เช่น ภาษา รัฐศาสตร์ และเศรษฐศาสตร์พื้นฐาน)
  • หลักสูตรภาษาและภูมิภาคศึกษา:เน้นการเรียนรู้เชิงลึกในหนึ่งภูมิภาคหรือมากกว่านั้นของโลก โดยเน้นภูมิภาคใกล้เคียงระหว่างประเทศของบริติชโคลัมเบีย ต้องเรียน 4 หลักสูตรภาษา และหนึ่งหลักสูตรภูมิภาคศึกษา/เชิงพื้นที่ (3 หน่วยกิต)
  • หลักสูตรระดับสูงของการแนะนำโลกศึกษาINTS และนอก INTS มีการฝึกอบรมเชิงลึกในโลกศึกษา รวมถึงการประเมินผลด้านโลกศึกษา (Origins and Evolution of Our Globalizing World) และหลักสูตรระดับสูงเพิ่มเติมทั้งภายในและภายนอกภาควิชา
  • หลักสูตรการวิจัยและวิทยานิพนธ์: เป็นการเรียนวิจัยโลกศึกษาขั้นสูง โดยนักศึกษาจะต้องทำโครงการวิจัยที่แสดงถึงการเรียนรู้สะสมจากการลงมือวิเคราะห์และปฏิบัติการ
             ตัวอย่างจาก Hofstra University :  
  • หลักสูตรสหวิทยาการที่บูรณาการโลกศึกษาเข้ากับภูมิศาสตร์ รัฐศาสตร์ ธุรกิจระหว่างประเทศ วารสารศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ นโยบายสาธารณะ ปรัชญา อาชญาวิทยา สังคมวิทยา และประวัติศาสตร์
  • กำหนดให้ต้องเรียนอย่างน้อยสองหลักสูตรที่เน้นภูมิศาสตร์และภูมิรัฐาสตร์
  • มีหลักสูตรย่อย (minor) และหลักสูตร Pre-Health Studies Major ที่เน้นโลกศึกษา
  • หัวข้อสำคัญที่ครอบคลุม เช่น แรงงานเด็ก, การเปลี่ยนแปลงและอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม, การจ้างงาน, สิทธิทางเพศ, การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก, การดูแลสุขภาพและโรคภัยไข้เจ็บ, สิทธิมนุษยชน, การค้ามนุษย์, ความเหลื่อมล้ำ/ไม่เท่าเทียมทางรายได้, การค้าระหว่างประเทศ, การย้ายถิ่นฐาน, ความขัดแย้งทางการเมือง, การเปลี่ยนแปลงเชิงพื้นที่, การขนส่งและโลจิสติกส์, นวัตกรรมและนโยบายทางเทคโนโลยี
             ตัวอย่างจาก Randolph College :  
  • เน้นฐานความรู้หลัก ทางเลือกในสาขาที่นักเรียนสนใจ และทักษะที่จำเป็น (ความเชี่ยวชาญด้านภาษา การสื่อสารข้ามวัฒนธรรม การแก้ปัญหา)
  • หลักสูตรที่เปิดสอน ได้แก่ หลักสูตรรัฐศาสตร์ เช่น “ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ” “สิทธิเด็ก” “การแก้ไขสันติภาพและความขัดแย้ง” “การค้ามนุษย์: เมื่อโลกพบกับท้องถิ่น” “ประเด็นระดับโลกในสหประชาชาติ” และ “กฎหมายระหว่างประเทศ”
             การศึกษาวิจัยอย่างสม่ำเสมอในหลักสูตรของมหาวิทยาลัยต่างๆ ไม่ใช่เพียงข้อกำหนดในการสำเร็จการศึกษา แต่เป็นข้อเรียนรู้และสร้างเสริมประสบการณ์ที่สำคัญ ซึ่งบังคับให้นักศึกษาต้องสังเคราะห์ความรู้ที่ได้รับจากสาขาวิชาต่างๆ ใช้การคิดเชิงวิพากษ์ และมีส่วนร่วมในการวิจัยอิสระหรือการแก้ปัญหาเชิงปฏิบัติการ สิ่งนี้บ่งชี้ว่าหลักสูตรโลกศึกษาได้รับการออกแบบมาเพื่อผลิตผู้สำเร็จการศึกษาที่ไม่เพียงแต่มีความรู้เท่านั้น แต่ยังเป็นผู้มีส่วนร่วมที่กระตือรือร้นซึ่งสามารถบูรณาการข้อมูลที่ซับซ้อนและสร้างข้อมูลเชิงลึกที่นำไปปฏิบัติได้สำหรับความท้าทายระดับโลกในโลกแห่งความเป็นจริง ซึ่งเป็นการเสริมสร้างเป้าหมายการแก้ปัญหาและการเปลี่ยนแปลงของสาขาวิชา  
ตารางที่1องค์ประกอบหลักสูตรโลกศึกษาในระดับนานาชาติ
มหาวิทยาลัย
ประเภทหลักสูตร
หมวดหมู่หลักสูตรหลัก /แกนหลัก
ตัวอย่างหลักสูตรหลัก / สาขาหลัก
คุณสมบัติเฉพาะ
ของหลักสูตร
UNBC
BA in Global Studies
พื้นฐาน IASK, แกนกลาง, ภาษาและภูมิภาค
ศึกษา, การศึกษาวิจัยขั้นสูง, Capstone
Introduction to Global Studies, Globalizations, Global Environmental Change, Peoples and Cultures, Canada in Comparative Perspective, Macroeconomics, Origins and Evolution of Our Globalizing World, Global Capstone
ต้องเรียนภาษา 4 หลักสูตร, เน้นภูมิภาคใกล้เคียงของบริติชโคลัมเบีย, โครงการวิจัย
Hofstra University
BA in Global Studies & Geography
สหวิทยาการ
Geography, Political Science, International Business, Journalism, Economics, Public Policy, Philosophy, Criminology, Sociology, History (ครอบคลุม Child Labor, Human Rights, Climate Change, Migration, etc.)
ต้องเรียนอย่างน้อย 2 หลักสูตรที่เน้นภูมิภาค, มีหลักสูตรย่อยและ Pre-Health Studies Major เน้นโลกศึกษา
Randolph College
Global Studies
ความรู้หลัก, สาขาที่สนใจ, ทักษะที่จำเป็น
International Relations, Rights Of A Child, Peace And Conflict Resolution, Trafficking: Where Global Meets Local, Global Issues At United Nations, International Law
เน้นทักษะภาษา, การสื่อสารข้ามวัฒนธรรม, การแก้ปัญหา
เส้นทางอาชีพและความเกี่ยวข้องทางสังคมของโลกศึกษา
             โอกาสทางอาชีพที่หลากหลายในโลกที่เชื่อมโยงถึงกันผู้สำเร็จการศึกษาจากสาขาโลกศึกษาได้รับการเตรียมความพร้อมสำหรับอาชีพระดับโลกที่หลากหลายในภาควิชาการ รัฐบาล ธุรกิจ และภาคไม่แสวงหาผลกำไร โอกาสทางอาชีพนั้น “กว้างขวางและหลากหลายมาก” ผู้สำเร็จการศึกษาได้ทำงานให้กับองค์กรต่างๆ เช่น สหประชาชาติ กระทรวงการต่างประเทศ สภากาชาด และมูลนิธิ Bill and Melinda Gates บางคนได้ก่อตั้งองค์กรพัฒนาเอกชนหรือบริษัทที่ปรึกษาของตนเอง
             ภาคส่วนทั่วไป ได้แก่ รัฐบาลและการเมืองระหว่างประเทศ กฎหมาย สื่อ การท่องเที่ยวและโรงแรม องค์กรพัฒนาเอกชน องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร (NGO) และการศึกษา ปริญญาโลกศึกษาสามารถนำไปสู่บทบาทในด้านการเมือง ธุรกิจ การเงิน และการต่างประเทศ รวมถึงตำแหน่งในกระทรวงการต่างประเทศ ตำแหน่งงานเฉพาะ ได้แก่ เจ้าหน้าที่กิจการการเมือง นักการทูต ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ผู้ช่วยกฎหมาย ที่ปรึกษาธุรกิจ เจ้าหน้าที่กิจการต่างประเทศ ผู้จัดการกิจการรัฐบาล นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน นักข่าว ผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าระหว่างประเทศ เจ้าหน้าที่ราชการ ผู้ช่วยรัฐสภา ผู้ช่วยกงสุล/สถานทูต นักเศรษฐศาสตร์ ผู้บริหารการศึกษา นักวิเคราะห์ข่าวกรอง และนักวิเคราะห์ปฏิบัติการทางทหาร
             ความหลากหลายของเส้นทางอาชีพ ตั้งแต่การทูตและการพัฒนาระหว่างประเทศไปจนถึงธุรกิจ วารสารศาสตร์ และแม้กระทั่งการวิเคราะห์ข่าวกรอง แสดงให้เห็นว่าโลกศึกษาไม่ใช่ปริญญาที่เน้นอาชีพแคบๆ แต่เป็นปริญญาที่ปลูกฝังทักษะที่ถ่ายทอดได้สูง (การคิดเชิงวิพากษ์ การแก้ปัญหา การสื่อสารข้ามวัฒนธรรม การปรับตัว) ซึ่งเป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้นในทุกภาคส่วนในโลกที่เชื่อมโยงถึงกัน คำกล่าวที่ว่าผู้สำเร็จการศึกษาได้รับการเตรียมพร้อมสำหรับงานที่ “อาจจะยังไม่ถูกคิดค้นขึ้นมาด้วยซ้ำ” ยิ่งเสริมแนวคิดนี้ โดยบ่งชี้ว่าปริญญานี้ช่วยให้บุคคลมีความยืดหยุ่นทางความคิดและมุมมองแบบสหวิทยาการที่จำเป็นในการนำทางและประสบความสำเร็จในตลาดงานที่ไม่แน่นอนในอนาคต
ตารางที่ 2 เส้นทางอาชีพทั่วไปสำหรับผู้สำเร็จการศึกษาด้านโลกศึกษา
 
ภาคส่วนอาชีพ
ตำแหน่งงานที่เป็นตัวแทน
ตัวอย่างนายจ้าง/องค์กร
ทักษะสำคัญที่ใช้
การทูตและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
นักการทูต,เจ้าหน้าที่การเมือง, เจ้าหน้าที่การต่างประเทศ, ผู้ช่วยกงสุล/สถานทูต
สหประชาชาติ, กระทรวงการต่างประเทศ, สถานทูต
การสื่อสารข้ามวัฒนธรรม, การเจรจา, การวิเคราะห์นโยบาย, การแก้ปัญหา
องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร(NGO) และองค์กรการพัฒนา
ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนา
ระหว่างประเทศ, นักสิทธิมนุษยชน, ผู้ประสานงานระหว่างประเทศ
สภากาชาด, มูลนิธิ Bill & Melinda Gates, องค์กรพัฒนาเอกชน (NGOs)
การคิดเชิงวิพากษ์, การวิจัยและการวิเคราะห์, การสื่อสาร, ความเห็นอกเห็นใจ
ธุรกิจและการเงินระดับโลก
ที่ปรึกษาธุรกิจ, ผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าระหว่างประเทศ, นักเศรษฐศาสตร์
บริษัทที่ปรึกษาเอกชน, บริษัทข้ามชาติ, สถาบันการเงิน
การคิดเชิงวิพากษ์, การแก้ปัญหา, การวิเคราะห์เศรษฐกิจ, ความอดทนต่อปัญหา
สื่อสารมวลชนและ
การสื่อสาร
นักข่าว, ผู้จัดการกิจการรัฐบาล, นักล็อบบี้
สำนักข่าว, องค์กรสื่อ, บริษัทประชาสัมพันธ์
การวิจัยและการเขียน, การสื่อสาร, การวิเคราะห์นโยบาย, การนำเสนอข้อมูล
กฎหมายและนโยบาย
ผู้ช่วยกฎหมาย, นักวิเคราะห์นโยบาย
บริษัทกฎหมาย, หน่วยงานภาครัฐ, องค์กรระหว่างประเทศ
การวิจัยและการเขียน, การวิเคราะห์เชิงลึก, การสร้างข้อโต้แย้ง, ความเข้าใจในกฎหมายระหว่างประเทศ
วิชาการและการศึกษา
ผู้บริหารการศึกษา, อาจารย์, นักวิจัย
มหาวิทยาลัย, สถาบันวิจัย, โรงเรียน
การวิจัย, การสอน, การคิดเชิงวิพากษ์, การสื่อสาร
ความมั่นคงและข่าวกรอง
นักวิเคราะห์ข่าวกรอง, นักวิเคราะห์ปฏิบัติการทางทหาร, เจ้าหน้าที่ความมั่นคงแห่งชาติ
หน่วยงานข่าวกรอง (CIA, NSA), หน่วยงานความมั่นคงในภาครัฐ
การวิเคราะห์ข้อมูล, การประเมินภัยคุกคาม, การเขียนรายงานนโยบาย, การคิดเชิงวิพากษ์
ความเกี่ยวข้องที่ยั่งยืนในภูมิทัศน์โลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
             โลกศึกษาเสนอแนวทางใหม่และสหวิทยาการในการทำความเข้าใจประเด็นระดับโลก สาขาวิชานี้กำลังทำแผนที่และตีความแนวโน้มและรูปแบบใหม่ๆ ในโลกาภิวัตน์อย่างต่อเนื่อง และพยายามที่จะทบทวนและกำหนดนิยามแนวคิดของโลกาภิวัตน์ใหม่ นักศึกษาผู้เรียนจะได้รับการฝึกฝนให้ตามทันโลกที่เปลี่ยนแปลงบ่อยครั้ง โดยมีส่วนร่วมกับแนวโน้มระดับโลกในปัจจุบันตั้งแต่ภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจไปจนถึงปรากฏการณ์ระดับโลก การศึกษาโลกศึกษาแบบสหวิทยาการเตรียมความพร้อมให้นักเรียน “มีส่วนร่วมกับโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและพูดภาษาโลกาภิวัตน์ได้อย่างคล่องแคล่ว”
             การเน้นย้ำถึง “การทำแผนที่และตีความแนวโน้มใหม่ๆ” “การทบทวนและกำหนดนิยามโลกาภิวัตน์ใหม่” และการเตรียมความพร้อมให้นักเรียนสำหรับ “โลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา” และงานที่ “อาจจะยังไม่ถูกคิดค้นขึ้นมาด้วยซ้ำ” เน้นย้ำถึงพลวัตโดยธรรมชาติของโลกศึกษา นี่ไม่ใช่สาขาวิชาที่หยุดนิ่ง แต่ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ปรับตัวและตอบสนองต่อปรากฏการณ์ระดับโลกที่เกิดขึ้นใหม่อย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้หมายความว่าสาขาวิชานี้มีกรอบความคิดที่ยืดหยุ่นและแข็งแกร่งสำหรับการเรียนรู้และมีส่วนร่วมอย่างวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่อง ทำให้เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการนำทางความซับซ้อนและความไม่แน่นอนของศตวรรษที่ 21 และอนาคต
หลักสูตรโลกศึกษาในประเทศไทย: มุมมองระดับภูมิภาค
             ภาพรวมของหลักสูตรนานาชาติในมหาวิทยาลัยไทยประเทศไทยมีหลักสูตรสังคมศาสตร์ที่หลากหลาย เช่น รัฐศาสตร์ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สังคมวิทยา วัฒนธรรมศึกษา พัฒนาศึกษา มานุษยวิทยา และสตรีศึกษา สถาบันฝึกอบรมและวิจัยแห่งสหประชาชาติ (UNITAR) เปิดสอนหลักสูตรปริญญาโทในประเทศไทยที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนและการทูต กิจการระหว่างประเทศและการทูต และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการทูตดิจิทัล
  1. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เปิดหลักสูตร “สาขาวิชาการเมืองและโลกสัมพันธ์ศึกษา(Politics and Global Studies – PGS)” เป็นหลักสูตรปริญญาตรีในคณะรัฐศาสตร์
  2. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มี “วิทยาลัยโลกคดีศึกษา (School of Global Studies)” โดยเฉพาะ ซึ่งเปิดสอนหลักสูตรปริญญาตรี (โลกคดีศึกษาและการประกอบการทางสังคม) ปริญญาโท (นวัตกรรมสังคมและความยั่งยืน) และระดับปริญญาเอกในสาขาโลกคดีศึกษา(โลกคดีศึกษาและการประกอบการทางสังคม)
  3. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้เปิดหลักสูตร “โลกศึกษา” ในระดับบัณฑิตศึกษา เพื่อตอบสนองการเป็นมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาที่บูรณาการกับศาสตร์สมัยใหม่ในระดับโลก โดยเชื่อมโยงความรู้ทางด้านปรัชญาความคิดของมนุษยชาติ พุทธปรัชญา กระบวนการโลกาภิวัตน์ และการพัฒนาจากเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมในระดับท้องถิ่นสู่สากล (Local to Global)
             การมี “วิทยาลัยโลกคดีศึกษา” โดยเฉพาะที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และหลักสูตร  สาขาวิชาการเมืองและโลกสัมพันธ์ศึกษา (Politics and Global Studies – PGS)” ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และหลักสูตร “โลกศึกษา” ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของสถาบันที่สำคัญในการพัฒนาความเชี่ยวชาญด้านโลกศึกษาในประเทศไทย สิ่งนี้บ่งชี้ถึงการยอมรับเชิงกลยุทธ์โดยมหาวิทยาลัยชั้นนำของไทยถึงความสำคัญของการจัดการกับความท้าทายระดับโลกจากมุมมองท้องถิ่น ในขณะเดียวกันก็มีส่วนร่วมในการอภิปรายระหว่างประเทศในวงกว้าง
จุดเด่น: หลักสูตรการเมืองและโลกสัมพันธ์ศึกษา(PGS)” ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
             หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต  สาขาวิชาการเมืองและโลกสัมพันธ์ศึกษา (PGS) เป็นหลักสูตรนานาชาติแบบสองปริญญาที่เปิดสอนโดยคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยความร่วมมือกับ University of Essex (สหราชอาณาจักร) และ University of Queensland (ออสเตรเลีย)
             หลักสูตรนี้ได้รับการเน้นย้ำว่าเป็นหลักสูตรแรกในประเทศไทยที่เปิดสอนหลายเส้นทางกับมหาวิทยาลัยพันธมิตรต่างๆ ทำให้นักเรียนสามารถได้รับปริญญาตรีสองใบโดยใช้เวลาสองปีในต่างประเทศและสองปีที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยหลักสูตรนี้ใช้แนวทางสหวิทยาการ ครอบคลุมปรัชญา การเมือง นโยบายสาธารณะ สังคมวิทยา มานุษยวิทยา ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และการพัฒนาทักษะเชิงประเด็นและเชิงวิชาการ โดยมุ่งเน้นไปที่ปรากฏการณ์ท้องถิ่น-ระดับโลกร่วมสมัย โดยมีเป้าหมายเพื่อเตรียม “ผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงที่มุ่งมั่น” ผ่านประสบการณ์จริง รวมถึงโครงการวิจัยและโครงการอาวุโส
             รูปแบบสองปริญญาของหลักสูตร PGS ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกับมหาวิทยาลัยชั้นนำในสหราชอาณาจักรและออสเตรเลีย เป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่ชัดเจน นี่ไม่ใช่แค่ความร่วมมือเท่านั้น แต่ยังเป็นกลไกสำหรับการเปรียบเทียบมาตรฐานระหว่างประเทศและการประกันคุณภาพ สิ่งนี้บ่งชี้ถึงความพยายามอย่างจงใจที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับโลกของผู้สำเร็จการศึกษา เปิดโอกาสให้พวกเขาได้สัมผัสกับสภาพแวดล้อมทางวิชาการที่หลากหลาย และส่งเสริมมุมมองที่เป็นสากลอย่างแท้จริง การทำให้เป็นสากลเชิงรุกนี้ทำให้หลักสูตรเป็นผู้นำในการศึกษาแบบโลกาภิวัตน์ ทำให้มั่นใจว่าผู้สำเร็จการศึกษาจะมีความพร้อมอย่างดีสำหรับโลกที่เชื่อมโยงถึงกัน โดยการจัดหาคุณวุฒิทางวิชาการทั้งในและต่างประเทศ
จุดเด่น: วิทยาลัยโลกคดีศึกษา (School of Global Studies) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
             มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นเจ้าของ “วิทยาลัยโลกคดีศึกษา” ซึ่งเปิดสอนหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาโลกคดีศึกษาและการประกอบการทางสังคม หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชานวัตกรรมสังคมและความยั่งยืน และหลักสูตรปริญญาเอกการจัดตั้ง “วิทยาลัยโลกคดีศึกษา” โดยเฉพาะที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเปิดสอนหลักสูตรในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของสถาบันที่ลึกซึ้งกว่าการมีเพียงหลักสูตรเดียวในคณะ สิ่งนี้บ่งชี้ว่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มองว่าโลกศึกษาเป็นเสาหลักทางวิชาการที่สำคัญและยั่งยืน ส่งเสริมระบบนิเวศที่ครอบคลุมสำหรับการวิจัย การสอน และการพัฒนาวิชาชีพในสาขาวิชานี้ โครงสร้างวิทยาลัยโดยเฉพาะนี้ช่วยให้สามารถมีความเชี่ยวชาญมากขึ้น ความร่วมมือแบบสหวิทยาการ และความเป็นผู้นำทางปัญญาที่ยั่งยืนในการจัดการกับประเด็นระดับโลกจากมุมมองของประเทศไทย
จุดเด่น: หลักสูตรศึกษา (Global Studies) มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
             มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เป็นมหาวิทยาลัยทางด้านพระพุทธศาสนาที่มุ่งพัฒนาความรู้เกี่ยวกับศาสนาและปรัชญา รวมทั้งการบูรณาการกับศาสตร์สมัยใหม่ ที่ผ่านมามหาวิทยาลัยแห่งนี้ได้รับการยอมจากนานาชาติว่า เป็นมหาวิทยาลัยด้านพระพุทธศาสนาในระดับโลก มีนิสิต นักศึกษานานาชาติมาศึกษาในระดับต้นๆ ของประเทศไทย การที่มหาวิทยาลัยเปิดหลักสูตร “โลกศึกษา” ในระดับบัณฑิตศึกษา (การเรียนการสอนแบบสองภาษา ไทย-อังกฤษ) โดยเชื่อมโยงความรู้ทางด้านปรัชญาความคิดของมนุษยชาติ พุทธปรัชญา กระบวนการโลกาภิวัตน์ และการพัฒนาจากเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมในระดับท้องถิ่นสู่สากล (Local to Global) นับว่าเป็นการตอบสนองการทำงานของพระสงฆ์ไทย และพระธรรมทูตที่มีการส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาและวัฒนธรรมทั่วโลก รวมทั้งส่งเสริมการเรียนรู้และการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมในระดับนานาชาติ
ตารางที่ 3 หลักสูตรโลกศึกษาในประเทศไทย
มหาวิทยาลัย
ชื่อหลักสูตร
ระดับปริญญา
คุณสมบัติ/จุดเน้นหลัก
คณะ/วิทยาลัย
จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย
การเมืองและโลกสัมพันธ์ศึกษา (PGS)
ปริญญาตรี(ศิลปศาสตรบัณฑิต)
สองปริญญากับ UK/ออสเตรเลีย, สหวิทยาการ, เน้นผู้สร้างการเปลี่ยนแปลง
คณะรัฐศาสตร์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
โลกคดีศึกษาและการประกอบการทางสังคม
ปริญญาตรี (ศิลปศาสตรบัณฑิต)
เน้นการประกอบการทางสังคม
วิทยาลัยโลกคดีศึกษา
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
นวัตกรรมสังคมและความยั่งยืน
ปริญญาโท (ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต)
เน้นนวัตกรรมสังคมและความยั่งยืน
วิทยาลัยโลกคดีศึกษา
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
หลักสูตรปริญญาเอก
ปริญญาเอก
วิทยาลัยโลกคดีศึกษา
UNITAR (ในประเทศไทย)
Master in Human Rights and Diplomacy
ปริญญาโท
สิทธิมนุษยชนและการทูต, การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติ
The United Nations Institute for Training and Research
UNITAR (ในประเทศไทย)
Master in International Affairs and Diplomacy
ปริญญาโท
กิจการระหว่างประเทศและการทูต, ออนไลน์
The United Nations Institute for Training and Research
UNITAR (ในประเทศไทย)
Master in Digital International Relations & Diplomacy
ปริญญาโท
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการทูตดิจิทัล
The United Nations Institute for Training and Research
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
โลกศึกษา
Master of Arts Program in  Global Studies
ปริญญาโท (ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต)
ปรัชญาความคิดมนุษยชาติ การคิดเชิงวิพากษ์ และโลกศึกษา
บัณฑิตวิทยาลัย
 
บทสรุป: กำหนดอนาคตของโลกศึกษา
             โลกศึกษาเป็นสาขาวิชาสหวิทยาการที่จำเป็นและมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการทำความเข้าใจและนำทางความซับซ้อนของโลกที่เชื่อมโยงถึงกัน สาขาวิชานี้ถือกำเนิดขึ้นเพื่อตอบสนองต่อความท้าทายระดับโลกหลังสงครามเย็น ซึ่งไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยแนวทางแบบดั้งเดิม การเน้นย้ำถึงการคิดเชิงวิพากษ์ การแก้ปัญหา และความอดทนต่อความคลุมเครือและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หลักสูตรโลกศึกษาแสดงให้เห็นว่าโลกศึกษาเตรียมความพร้อมให้นักศึกษาผู้เรียน มีบทบาทที่ต้องปรับตัวและยืดหยุ่นในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
             การมีอยู่ของหลักสูตรเฉพาะทางและวิทยาลัยโลกศึกษาในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทย เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย สะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาเชิงกลยุทธ์และความเชี่ยวชาญในระดับโลกและในระดับภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปแบบสองปริญญาของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างความเป็นเลิศทางวิชาการและการแข่งขันระดับโลกของผู้สำเร็จการศึกษา
             สาขาโลกศึกษา (Global Studies) ไม่ได้เป็นเพียงสาขาวิชาที่หยุดนิ่ง แต่เป็นกรอบความคิดที่มีพลวัตสำหรับการเรียนรู้และมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีการปรับตัวและตอบสนองต่อปรากฏการณ์ระดับโลกที่เกิดขึ้นใหม่อย่างไม่หยุดยั้ง ความเกี่ยวข้องของสาขาวิชานี้จะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในขณะที่โลกเผชิญกับความท้าทายที่ซับซ้อนและเชื่อมโยงถึงกันมากขึ้น การส่งเสริมความเป็นพลเมืองโลกที่มีความพร้อมด้วยทักษะที่จำเป็นในการวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาข้ามชาติยังคงเป็นภารกิจหลักของสาขาโลกศึกษาเพื่อเพิ่มผลกระทบและความเกี่ยวข้องของสาขาวิชานี้ในการสร้างสังคมโลกที่เข้มแข็ง ยุติธรรม สงบสุข เจริญรุ่งเรือง และยั่งยืนยิ่งขึ้น ดังนั้น ควรมีการส่งเสริมนวัตกรรมทางวิชาการอย่างต่อเนื่อง และควรมีการสร้างความร่วมมือระหว่างสถาบัน การมีส่วนร่วมในนโยบายของประเทศ การลงทุนและพัฒนาในการวิจัยและการศึกษาโลกศึกษาเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการเตรียมความพร้อมให้กับผู้นำและผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ซึ่งสามารถนำทางความซับซ้อนของโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาได้